Posted on: 13 กุมภาพันธ์ 2023 Posted by: admin Comments: 0

พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.2510 พระผิวเนื้องาม 1 ในพระ 5 ดาว ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.2510 พระผิวเนื้องาม 1 ในพระ 5 ดาว ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

  • เปิดสนามด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ ที่ถูกขโมยตกกรุองค์พระเจดีย์ออกมา ซึ่งลอตใหญ่ๆมี ๓ ครั้ง คือ พ.ศ.๒๔๒๕ พ.ศ.๒๔๓๖ และ พ.ศ.๒๔๕๙ และอีกประปรายหลายครั้งโดยเฉพาะในยุคสงคราม…พระตกกรุส่วนใหญ่จะเป็น “พระเนื้อจัด” สภาพงามสมบูรณ์ ผิวเนื้อมีคราบกรุจับแน่นบางเบา เพราะบรรจุอยู่ในส่วนที่อยู่สูงพ้นน้ำ วงการเรียก “พระกรุเก่า” อย่างองค์นี้ของ คุณพี่เบญจวรรณ ไกรสวัสดิ์ ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ สวยทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ เส้นศิลป์ เนื้อมวลสาร วรรณะผิวเนื้อ ที่มีคราบกรุจับบางๆพองามบอกอายุถึงยุค…องค์รวมเป็น พระแท้ ดูง่าย งามเลิศเดิมๆ สมตำแหน่ง แชมป์งานประกวด ร.ร.นายร้อยตำรวจ สามพราน ที่เพิ่งจัดไป
พระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่า พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส ของเบญจวรรณ ไกรสวัสดิ์.
  • องค์ที่สองคือ พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.๒๕๑๐ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ สวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ ที่ เสี่ยอ้วน นครปฐม เขียนกำกับมาว่า “สวยมากๆ”…เพราะทั้งฟอร์มทรงพิมพ์พระผิวเนื้องามจริง ที่สำคัญมีเม็ดฟองอากาศ “เม็ดผด” ขึ้นเบียดแน่นในผิวเนื้อด้านหน้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดสำคัญในการพิจารณาของพระปี ๒๕๑๐…รอยตัดแต่งถูกต้อง ริ้วตะไบได้มาตรฐาน สีเนื้อนิยมดำเทา “ขี้ม้า” ก็ต้องให้เป็นพระ 5 ดาวอีกองค์
  • พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.๒๕๑๐ ร.๙ ของอ้วน นครปฐม.
    พระสมเด็จจิตรลดา พ.ศ.๒๕๑๐ ร.๙ ของอ้วน นครปฐม.
    • อีกองค์ไม่มีมาให้ดูพักใหญ่ พระหลวงปู่ทวด เนื้อผงว่านกากยายักษ์ กรรมการ รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗ อาจารย์ทิม วัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี…ซึ่งจัดสร้างเป็น เนื้อพิเศษ เข้มข้นด้วยว่านกากยายักษ์ สีเนื้อดำเข้ม เพื่อมอบคณะกรรมการจัดสร้าง พิมพ์พระมี ๒ แบบ A-B ได้รับความนิยมสูง…องค์นี้ของ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เป็น พิมพ์ A แท้ดูง่าย สวยสมบูรณ์ระดับแชมป์ที่หาองค์เทียบยาก แบบนี้ราคาว่ากันที่หลักมากล้านมานานโข
    พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่กรรมการ A รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗ ของ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล.
    พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่กรรมการ A รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗ ของ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล.
    • จากใต้ขึ้นไปดูขุนพลพระเมืองเหนือ พระบาง เนื้อเขียว คราบเหลือง กรุวัดดอนแก้ว อ.เมือง จ.ลำพูน…ซึ่งได้นามพระ บาง ตามลักษณะองค์พระ ที่มีเนื้อหลังบอบบางและเส้นศิลป์ที่พลิ้วไหว มีชื่อเสียงเป็นพระกรุยอดนิยม คู่แฝดกับ พระคง ที่มีอายุร่วมสมัย และพุทธศิลป์สมัยคุปตะเหมือนกัน…ค้นพบครั้งแรกที่กรุวัดดอนแก้วราวปี พ.ศ.๒๔๘๔ และต่อมาอีก ๒ ครั้ง ที่กรุบ้านครูขาวกับกรุวัดพระคง…ปัจจุบันเป็นพระเมืองเหนือที่มีผู้แสวงหามากขึ้นๆ ราคาจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพระราคาหลักแสน พระส่วนใหญ่มีสภาพสมบูรณ์ รายละเอียดพุทธศิลป์งดงาม อย่างองค์นี้ของ เสี่ยตะวัน พระลำพูน
    พระบาง เนื้อเขียว คราบเหลือง กรุวัดดอนแก้ว ของตะวัน พระลำพูน.
    พระบาง เนื้อเขียว คราบเหลือง กรุวัดดอนแก้ว ของตะวัน พระลำพูน.
    • ลงมาภาคเหนือตอนกลาง ดู รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตาห้าชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร องค์นี้เห็นปั๊บจำได้เป็นพระองค์ดังในอดีต เพราะเป็น องค์แชมป์ “จอมสุรางค์” งานประกวดครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างมาตรฐานเป็นตำนานวงการพระ ในปี พ.ศ.๒๕๒๙…จนถึงปัจจุบันพระที่ได้รับการตัดสินให้ชนะประกวดจากงานนี้ทุกชนิด ทุกองค์ ได้รับการยอมรับแบบไม่มีครหาว่าเล่นเส้นบ้าง พระกรรมการเองบ้าง เหมือนบางงาน หลายงาน….ทำให้ พระเวทีจอมสุรางค์ ทุกองค์ได้รับความสนใจอยากได้เป็นเจ้าของ ยิ่งองค์นี้ที่รู้กันว่าเป็นของ ท่านเสถียร เสถียรสุต นักสะสมแถวหน้าสุด เป็นตำนานวงการพระว่าสะสมแต่พระงามๆๆ แพงเท่าไหร่ไม่ยั่น…อย่างองค์นี้เป็นพระชนะเลิศเป็นองค์ดาราในตำราจอมสุรางค์ ด้วยความสมบูรณ์ขององค์พระ ความชัดเจนของพิมพ์และเนื้อโลหะ ที่ดูมีพลังเข้มขลังจนยกย่องเปรียบว่าเหมือนเห็นองค์หลวงพ่อเงินในองค์พระอย่างนั้นเลย–– เสี่ยเมธา กริชจนรัช เจ้าของ จึงแสนจะปลื้ม
    รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตาห้าชาย หลวงพ่อเงิน ของเมธา กริชจนรัช.
    รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตาห้าชาย หลวงพ่อเงิน ของเมธา กริชจนรัช.

    SPONSORED

    • ตามมาด้วย พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก พิมพ์เข่าบ่วง หลวงพ่อกล่อม วัดป่ากะพี้ จ.อุตรดิตถ์ อีก ๑ ในพระปิดตาหลักยอดนิยมยุคเก่าแถวหน้าของเมืองลับแล….หลวงพ่อกล่อม เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงแพร่หลายร่วมยุคหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านเกิดที่ป่ากะพี้และเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่เด็ก ไปบวชเณรที่วัดอนงคาราม เรียนตำราอาคมกับ หลวงพ่อทับ แล้วกลับไปวัดบ้านเกิด ซึ่งยังกันดารต้องเดินบิณฑบาตไกลกว่าจะเดินทางกลับถึงวัดบางทีก็เลยเพลหมดเวลาฉัน….ชาวบ้านเห็นวัตรปฏิบัติแล้วเกิดศรัทธา จึงสร้างที่พักระหว่างทางให้ท่านได้พักฉันอาหาร ต่อมาได้พัฒนาเป็น วัดป่ากะพี้ มี หลวงพ่อกล่อม เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก….ตลอดอายุท่านให้ความเมตตาใช้วิชาความรู้ โดยเฉพาะวิชาอาคมช่วยชาวบ้านให้แคล้ว คลาดภัย ใช้ชีวิตเป็นสุข และ สร้างพระปิดตา เนื้อผงพุทธคุณ ผสมครั่งพุทรา มอบชาวบ้านบูชาคุ้มครอง ซึ่งเมื่อปรากฏอานุภาพคุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดภัยได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงเป็นที่เลื่องลือว่าศักดิ์สิทธิ์เทียบได้กับ พระปิดตา หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จึงมีผู้แสวงหามาก….แต่จำนวนพระมีน้อย หายากมาก เพราะสร้างแจกแต่ในพื้นถิ่น โดยเฉพาะองค์สภาพสมบูรณ์พิมพ์ชัด เนื้อใช่อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยเฉลียว ตาดชูวงษ์
    พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก หลวงพ่อกล่อม วัดป่ากะพี้ ของ เฉลียว ตาดชูวงษ์.
    พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก หลวงพ่อกล่อม วัดป่ากะพี้ ของ เฉลียว ตาดชูวงษ์.
    • องค์ที่เจ็ดเป็น เหรียญหลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ รุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๖๑ วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย จ.อ่างทอง….เป็นวัดโบราณ ใน จ.อ่างทอง เดิมชาวบ้านเรียกวัดไชโย เมื่อครั้ง ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ไปสร้าง องค์พระหลวงพ่อโต เป็นอนุสรณ์พุทธสถาน ระลึกถึงถิ่นกำเนิด อุทิศโยมตาโยมแม่ผู้บริจาคที่ดินสร้างวัด จึงเติมชื่อโยมแม่ท่านว่า “เกศ” เรียกเป็น วัดเกศไชโย….ต่อมาองค์พระเสื่อมสภาพพังทลาย จึงมี พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ แตกกระจายออกมา เรียก “พระสมเด็จเกศไชโย” และทำให้วัดมีชื่อเสียง…เมื่อทางการบูรณะสร้างองค์พระขึ้นแทน ก็ได้รับพระราชทานนาม พระมหาพุทธพิมพ์ และมีการสร้างเหรียญรูปจำลอง องค์พระขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑ ….
    เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ เนื้อเงิน รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๑ วัดไชโยวรวิหาร ของต่าย เชียงแสน.
    เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ เนื้อเงิน รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๑ วัดไชโยวรวิหาร ของต่าย เชียงแสน.

    เหรียญสำนักนี้ได้รับการยกย่องเป็น ๑ ใน ๑๐ เหรียญพระพุทธยอดนิยม เช่น เหรียญหลวงพ่อวัดไร่ขิง พ.ศ.๒๔๖๗ เหรียญหลวงพ่อมงคลบพิตร พ.ศ.๒๔๖๐ และเหรียญหลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ พ.ศ.๒๔๖๑ ของ เสี่ยต่าย เชียงแสน ซึ่งสองเหรียญแรก เสี่ยต่าย เคยจัดมาให้ดูชมกันไปแล้ว ชมเปาะว่าสวยเป๊ะ–มา เหรียญวัดเกศ นี่ก็งามสมบูรณ์ระดับเหรียญแชมป์ที่ยังไม่เจอคู่แข่ง…จัดสร้างเป็น เหรียญปั๊ม เนื้อโลหะรูปอาร์ม ยกขอบสูงทั้งด้านหน้า-หลัง ด้านหน้าเป็นรูปจำลององค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ ประทับนั่งปางสมาธิราบเหนือฐานบัวคว่ำ-หงาย ด้านข้างมีอักษรบอกนาม “พระพุทธรูป วัดไชโย”….ด้านล่างเป็นอักขระ “อุ” ใต้องค์ล่างสุดเป็นอักษรย่อชื่อร้านสร้างเหรียญ ร้านนาถาจารุปกรณ์ ด้านหลังกลางเหรียญมีอักขระขอม ๒ แถวว่า “สุขิโต โหตุ” ๔ มุมเหรียญเป็นอักขระขอม “จิ เจ รุ นิ” หัวใจปรินิพพาน ล่างสุดเป็นปีสร้างพ.ศ.๒๔๖๑….เนื้อเหรียญมีเงิน สัมฤทธิ์ ทองแดง อานุภาพพุทธคุณ มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดปลอดภัย ประสบความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโต สมนาม หลวงพ่อโต

    • องค์สุดท้ายไม่เก่าไม่ใหม่ เป็น พระนาคปรก ภปร. เนื้อเงิน พ.ศ.๒๕๓๐ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา….หลวงปู่ดู่ เกิด พ.ศ.๒๔๔๗ ในครอบครัวชาวนา มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่บิดามารดาทำงานอยู่ในบ้านและวางท่านซึ่งยังเป็นทารกแบเบาะไว้ข้างนอก แต่ท่านได้กลิ้งตกน้ำไป แต่อัศจรรย์ที่ไม่จมและลอยน้ำไปติดข้างรั้ว หมาซึ่งมีสัญชาตญาณรับรู้อันตรายจึงเห่าและวิ่งกลับไปกลับมาระหว่างตัวท่านกับมารดาท่าน จนมารดาเอะใจออกมาดูจึงพบว่าลูกตกน้ำป๋อมแป๋ม ทำให้มารดาเชื่อว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนา แต่มารดาบิดาก็จากไปก่อนตั้งแต่ท่านยังเล็ก…ยายก็เลี้ยงท่านมาจนครบบวช ท่านได้เป็นศิษย์ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และอีกหลายอาจารย์ ได้สรรพวิชาอาคมเข้มขลังสร้างวัตถุมงคลได้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์…แต่ท่านจะสอนเสมอว่า การปฏิบัติภาวนาเป็นที่สุดแห่งเครื่องรางของขลัง โดยกล่าวว่า ของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้ และให้ปฏิบัติดี เพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือกรรม”….
    พระนาคปรก ภปร.พ.ศ.๒๕๓๐ เนื้อทองคำ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ของทักษิณ แสงประไพ.
    พระนาคปรก ภปร.พ.ศ.๒๕๓๐ เนื้อทองคำ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ของทักษิณ แสงประไพ.

    ท่านบวชเรียนมา ๖๕ พรรษา ซึ่ง ช่วงหลังก็อาพาธมาเป็นสิบปี พระ นาคปรก รุ่นนี้เป็นรุ่นท้ายๆของท่านก่อนมรณภาพ ๓ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๓๓…โดยคณะศิษย์นำโดย อ.สุธันย์ สุรทรเสวี นำแผ่นจารทองคำ-เงิน ให้หลวงพ่อลงลายมือจารอักขระ เป็นชนวนเททอง สร้างเป็นเนื้อทองคำ ๕ องค์ เนื้อเงินราวๆ ๓๐ องค์ นอกนั้นมีเนื้อนวโลหะ ชนวนพระบูชา พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ รวม ทุกเนื้อราว ๒๐๐ องค์–องค์นี้งามสมบูรณ์ สภาพกริบแกะกล่อง ของ เฮียทักษิณ แสงประไพ…มาถึงเรื่องปิดท้ายสบายๆ สไตล์สนามพระวิภาวดี ที่บ้านสวนของ เสี่ยสันติ เจ้าของกิจการค้าอะไหล่รถยนต์ในแม่กลอง ซึ่งตอนวันหยุดตรุษจีนพาครอบครัวไปเที่ยวบ้านสวนเก็บผักผลไม้กัน…

    กำลังสนุกก็ได้ยินเสียง เด็กชายอั๋น ลูกชายตัวกลมร้องลั่น ไต่ลงจากต้นมะม่วงอย่างรวดเร็วกว่าลิง เพราะมีมดแดงรุมกัดเต็มตัว ตั้งแต่หัว หลัง ไหล่ พ่อแม่พี่น้องจึงช่วยกันปัดกำจัดออกเป็นพัลวันจนหมด…แต่ เด็กชายอั๋น ก็เนื้อตัวลายพร้อยเป็นตุ่มแดงๆ เพราะพิษมด และร้องเจ็บแสบโอดโอย จนแม่หันมามองค้อน เสี่ยสันติ โวยว่า ไหนลื้อบอกพระที่ให้ลูกคล้องคอศักดิ์สิทธิ์นักหนา ใช้คุ้มครองป้องกันภัย เป็นคงกระพันชาตรี ยิงไม่เข้าฟันไม่ออกไง นี่แค่โดนมดกัดก็กันไม่ได้ แล้ว ซื้อมาก็แพงเสียดายเงิน…ถูกอาซ้อบ่นกระปอดกระแปด เสี่ยสันติก็วางมือจากหลังลูกชายเกาหัวบอกอ้อมแอ้มข้างๆคูๆว่า พระท่านก็ต้องมีเมตตา ไอ้อั๋นมันคงไปทำให้มดทั้งรังตกใจแตกตื่น คิดว่ามีคนไปรังแกบุกบ้านเขาเลยต่อสู้ป้องกันรัง หลวงพ่อท่านก็ต้องยุติธรรมมั้ง–เลยวางเฉย ไม่ช่วยคนรังแกสัตว์ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ

Leave a Comment